วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คอมพิวเตอร์กับการแก้ปัญหาการศึกษาไทย




คอมพิวเตอร์กับการแก้ปัญหาการศึกษาไทย

                ระบบการศึกษาไทย  มีการจัดระบบการศึกษาขั้นประถมศึกษา 6 ปี การศึกษาขั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 3 ปี และการศึกษาขั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 3 ปี หรือระบบ6-3-3  และยังจัดเป็นระบบการศึกษาในระบบโรงเรียน  การศึกษานอกระบบโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัย  ฉะนั้นแนวทางใหม่คือสถาบันศึกษาสามารถจัดได้ทั้ง 3 รูปแบบ และให้มีระบบเทียบโอนการเรียนทั้ง 3 รูปแบบ
                การใช้คอมพิวเตอร์ในด้านการศึกษาอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
                                1.ในด้านการบริหารการศึกษา ผู้บริหารการศึกษามีความจำเป็นที่จะต้องใช้คอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนในการจัดเตรียมงบประมาณ  จัดเตรียมห้องเรียนได้ตามความต้องการ  จัดครูได้ตามความถนัดของผู้สอนและมีชั่วโมงการสอนพอเหมาะ จัดตารางเรียนตารางสอน จัดหน้าที่ต่าง การแบ่งส่วนการรับผิดชอบ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนที่มีนักเรียนและบุคลากรเป็นจำนวนมาก การที่นำคอมพิวเตอร์มาช่วยจะช่วยเพิ่มความสะดวกและมีระบบมากขึ้น  โดยทั่วไปแล้วการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ทางการบิหารหารศึกษานั้น แบ่งเป็น 5 ด้าน
                                                1.1 ข้อมูลด้านนักศึกษา  เป็นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติส่วนตัว เช่น ชื่อ ภูมิลำเนา ความเป็นอยู่ อีกส่วนหนึ่งเป็นประวัติการศึกษาในระหว่างศึกษาในสถาบันนั้นๆ เช่น การลงทะเบียน เรียนวิชาอะไรแล้วบ้าง ลงเรียนไปกี่หน่วยกิต เหลือกี่หน่วยกิต  ต้องลงวิชาอะไรเพิ่มเติม เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ ยังมีสิทธิได้ศึกษาต่อหรือไม่ ได้รับเหรียญรางวัลผลการดีหรือไม่
                                                1.2  ข้อมูลด้านแผนการเรียน  เป็นข้อมูลเกี่ยวกับวิชาที่เปิดสอน เช่น วิชาไหนเปิดสอน รหัสวิชาอะไร ใครเป็นครูผู้สอน เวลาที่เปิดสอน  เป็นหมู่บรรยายหรือปฏิบัติ
                                                1.3 ข้อมูลด้านบุคลากร เป็นข้อมูลเกี่ยวกับครูผู้สอน  เช่นมีวุฒิอะไร  สอนวิชาอะไร มีความถนัดทางด้านไหน  เงินเดือนเท่าไหร่
                                                1.4 ข้อมูลด้านการเงิน เป็นข้อมูลที่สถานศึกษานั้นมีรายรับ-รายจ่าย อย่างไร ใช้จ่ายเรื่องอะไรและได้รับเงินจากที่ไหน  เช่น มีงบประมาณเท่าไหร่  เดือนนี้ซื้ออะไรบ้าง เหลือเงินเท่าใด
                                                1.5ข้อมูลด้านอาคารสถานที่และอุปกรณ์  เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับอาคาร ห้องแต่ละห้อง ความจุ  ขนาดห้อง  เช่น ห้องเรียนจุผู้เรียนได้กี่คน มีแอร์  มีอุปกรณ์ สื่อ พอใหม่ มีอะไรชำรุด
                                2.การใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการสอน  ในความเป็นจริงแล้วคอมพิวเตอร์อาจช่วยครูทำงานบางอย่างได้ดีกว่าครู  แต่ก็มีงานหลายอย่างที่คอมพิวเตอร์ทำไม่ได้  ในระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันหากนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยอาจจะต้องมีคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนแต่ละคน เพื่อจะได้ใช้เก็บข้อมูล  พัฒนาการ ผลการเรียน ประวัติ และครูสามารถมาติดตามความคืบหน้า ค้นข้อมูล ความสนใจ ความสารถของผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างครบถ้วนและสารถดูพัฒนาการของผู้เรียนแต่ละคน และที่สำคัญนั้นหากนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในระบบการศึกษาจะช่วยแก้ปัญหาการที่นักเรียนแต่ละคนมีความถนัด ความสารถแตกต่างกัน การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในระบบการศึกษานักเรียนแต่ละคนสามารถเรียนวิชาที่ตนถนัดติดต่อกัน หรือเรียนได้เท่าที่ต้องการ ถึงแม่จะอยากเรียนวิชาที่ไม่มีครูผู้สอนในโรงเรียนก็สามารถเรียนได้และหากสนใจจะหาข้อมูลหรือหาความรู้เพิ่มเติม คอมพิวเตอร์สามารถแนะนำได้ให้ตามความเหาะสม  และหากผู้เรียนคนไหนไม่ชอบวิชาเหล่านั้น เรียนมานานก็ยังไม่มีพัฒนาการ คอมพิวเตอร์ก็จะสามารถช่วยหาแนววิธีการเรียนใหม่ๆ เช่นการเล่นเกมส์ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้เรียน  และระบบคอมพิวเตอร์นั้นสามารถปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพและทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
                                การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการศึกษานั้นจะช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มความเป็นระบบ  ระเบียน และจะทำให้การศึกษามีความก้าวหน้า แต่ในความเป็นจริงการที่จะนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในปริมาณมากขนาดนั้น ประเทศไทยคงมีงบประมาณไม่เพียงพอ  งั้นเราควรใช้บุคลากรของเราที่มีคุณภาพเข้ามามีส่วนร่วมจะได้ช่วยให้การศึกษาพัฒนาก้าวหน้าต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น